โบรกฯ ประเมินหุ้นไทย-ภูมิภาคยังได้รับแรงกดดันจากเทรดวอร์ ให้กรอบเคลื่อนไหว 1,635-1,660 จุด

>>

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)

คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสเกิดรีบาวด์หลังตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2561 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวม (ไม่นับกลุ่มพลังงาน) ไม่ได้ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะ

นอกจากนี้การเลือกตั้งที่จะ เกิดขึ้นในปลายเดือนนี้คาดว่ายังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ รวมถึงความคาดหวังที่สหรัฐฯ-จีน จะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ส่าเร็จ จึงยังมองการปรับลงของตลาดระยะนี้เป็นเพียงการพักตัวระยะสั้น และคาดว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะถัดไป

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

เปิดเผยว่า การพบกันของทรัมป์และคิมจบอย่างไร้ข้อตกลง เพราะผู้นำสหรัฐไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขของผู้นำเกาหลีเหนือได้ ที่เสนอให้ยกเลิกแซงชั่นทั้งหมดที่มีกับเกาหลีเหนือก่อน เพื่อแลกกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ และผู้นำสหรัฐเกิดความผิดหวังอย่างมาก ทางฝ่ายนักวิเคราะห์คาดว่าข้อเสนอของผู้นำเกาหลีเหนือครั้งนี้มีส่วนเชื่อมโยงกับการพบกันกับนายสี จิ้น ผิง ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนหน้าเจรจา

ดังนั้นคาดตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคในวันนี้ ยังได้รับความเสี่ยงจากการกำหนดเส้นตายภาษีเป็นหลัก และมีแนวโน้มปรับตัวลง เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,635-1,658 จุด  

บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

  • มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,645 - 1,660 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2561 ของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด 2.6%
  • รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังตัวเลขสต๊อกน้ํามันดิบสหรัฐลดลง 8.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะ มีแรงขายทำกำไรหลังผิดหวังงบปี 2562 สอดคล้องกับแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้กระแสฟันด์โฟลว์ยังคงมีทิศทางชะลอตัวต่อไป ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีผันผวนสูง  

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะปรับตัวในกรอบแคบ ๆ ผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ต่างยังไม่ปิดโอกาสที่จะพบกันอีกครั้งในอนาคต เพื่อเจรจาประเด็นนิวเคลียร์ ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า เล็กน้อย ถือว่าเป็นบวกต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่กดดันฟันด์โฟลว์ไหลออกในช่วงนี้